วิธีปลูกอะโวคาโดในกระถาง ทั้งแบบลงดินและในน้ำ กับประโยชน์สุดว้าวที่ทำให้อยากกิน !


  สำหรับใครที่อยากปลูกต้นไม้ไว้ในบ้านสักต้น แต่ยังสับสนไม่รู้ว่าจะปลูกอะไรดี วันนี้เรามีวิธีปลูกต้นอะโวคาโด ผลไม้รสชาติมันคล้ายเนย แถมประโยชน์เยอะมาฝากกันค่ะ

           ถ้าพูดถึงผลไม้ที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกเอาไว้ติดบ้าน ทุกคนก็คงจะนึกถึงมะม่วง ขนุน มะยม และชมพู่ ทว่าเราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้ถึงวิธีปลูกผลไม้ไทยเหล่านี้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ฉะนั้นเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับการปลูกผลไม้ชนิดอื่นเพิ่มขึ้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้นำวิธีการปลูกอะโวคาโดจากเมล็ด ทั้งแบบลงดินและในน้ำมาฝาก แต่ก่อนอื่นไปทำความรู้จักกับต้นอะโวคาโดกันก่อนค่ะ

          อะโวคาโด (avocado) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Persea Americana เป็นต้นไม้พื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก โดยลักษณะของต้นอะโวคาโดเป็นไม้ยืนต้น สูงได้ถึง 18 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาล ใบมีสีเขียวสด ดอกออกสีเขียวอมเหลืองและค่อนขางเล็ก ส่วนผลเป็นรูปไข่ ทรงคล้ายสาลี่ มีสีเขียวสวย เมื่อสุกจะมีรสชาติมันคล้ายเนย บางคนก็ว่ารสชาติของอะโวคาโดกินยากไปหน่อย แต่บางคนก็ชอบเพราะมีประโยชน์ดี ๆ เพียบ

          สำหรับวิธีการปลูกอะโวคาโดที่บ้านด้วยเมล็ดนั้น สามารถทำได้ทั้งแบบลงดินและลงน้ำ ซึ่งถ้าหากอยากรู้ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ

วิธีปลูกอะโวคาโดในกระถางด้วยดิน


ปลูกอะโวคาโดในกระถาง

          1. แกะเมล็ดออกจากผลอะโวคาโด พยายามอย่าใช้มีด เพราะอาจจะทำให้เมล็ดอะโวคาโดเสียหายได้

          2. นำเมล็ดไปล้างน้ำอุ่นอย่างระมัดระวัง พร้อมใช้ผ้าหรือแปรงนุ่ม ๆ ถูเศษเนื้อที่ติดอยู่บนเมล็ดออกจนหมด

          3. ห่อเมล็ดด้วยกระดาษชำระหรือผ้าสักหลาดชื้น ๆ

          4. ใส่ลงในถุงพลาสติก ไม่ต้องรูดซิปปิด แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้ที่ไม่มีแสงส่อง

          5. ตรวจดูเมล็ดในถุงอย่างน้อยทุก ๆ 4 วัน โดยให้เช็กว่ากระดาษชำระยังเปียกอยู่ไหม ใช้เวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์รากก็จะเริ่มงอก ซึ่งพอรากเริ่มงอก เปลือกของเมล็ดก็จะแตกออก เผยให้เห็นถึงร่องแยกลึกลงไปในเมล็ด โดยรากก็จะงอกออกมาจากในนั้น ซึ่งสิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้คือ อย่าทำให้เมล็ดแตก เพราะเนื้อเมล็ดเป็นส่วนที่หล่อเลี้ยงให้รากโต แถมรากอ่อนของต้นอะโวคาโดนั้นอ่อนแอมาก จึงต้องการให้เนื้อเมล็ดคอยปกป้องดูแล ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังและห้ามทำให้เมล็ดแตกออกจากกันเด็ดขาด

          6. เมื่อรากยาวถึง 3 นิ้ว ก็ถึงเวลานำเมล็ดลงไปปลูกในกระถางได้แล้ว ส่วนในกรณีที่รากยาวเกิน 3 นิ้ว ก็ให้ตัดออกด้วยอุปกรณ์ที่สะอาด จนรากมีขนาดยาวแค่ 3 นิ้ว เพราะถ้าหากรากยาวจนเกินไปจะทำให้ไม่พอดีกับกระถาง

          7. เตรียมดินและกระถางให้พร้อม โดยควรใช้เป็นกระถางขนาด 8 นิ้ว ที่มีรูระบายน้ำ รวมถึงต้องเลือกใช้ดินที่ระบายน้ำได้ดีและผสมทรายเล็กน้อย

          8. ใส่ดินลงไปในกระถางประมาณครึ่งกระถาง จากนั้นนำเมล็ดที่มีรากสมบูรณ์มาวางลงไป โดยให้เมล็ดส่วนฐาน (ฝั่งที่มีรากหรือฝั่งที่อ้วนและกลมกว่า) อยู่ด้านล่างติดกับดิน ส่วนเมล็ดส่วนหัว (ฝั่งที่แหลมและเรียวกว่า) ต้องไม่ติดดิน ควรใช้ความระมัดระวังในการวางเมล็ดลงไปอย่างมาก อย่าให้รากแตกหรือหักเด็ดขาด จากนั้นก็ใส่ดินที่ผสมกลบลงไปเพิ่ม แต่อย่าให้ดินกลบเมล็ดจนหมด ต้องเหลือส่วนหัวของเมล็ดเอาไว้ด้วย เพราะต้นอะโวคาโดจะงอกออกจากตรงนี้

          9. รดน้ำให้พอชุ่ม แต่ระวังอย่าให้ชื้นจนเกินไป จะโรยหน้าดินด้วยปุ๋ยหรืออาหารพืชอะไรก็ได้ตามต้องการ จากนั้นนำไปวางไว้ในบริเวณที่มีอากาศค่อนข้างอุ่น ไม่มีลม และโดนแสงจัด ๆ 

          10. หมั่นดูแลรดน้ำให้ต้นอะโวคาโดอย่างสม่ำเสมอ โดยต้นอะโวคาโดชอบน้ำปานกลาง ไม่เยอะหรือน้อยจนเกินไป และถ้าวันไหนที่อากาศแล้งก็สามารถฉีดสเปรย์ละอองหมอกลงไปได้

          11. เมื่อใบเริ่มงอกสามารถใส่ปุ๋ยสูตร 7-9-5 ในทุก ๆ 3 เดือนได้ หรือไม่ก็อาจจะเลือกเป็นปุ๋ยละลายช้าฉีดลงไปที่หน้าดินแทน

          12. ควรเปลี่ยนกระถางบ่อย ๆ เพราะรากของต้นอะโวคาโดจะโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อไหร่ที่รากพอดีกับกระถางขนาด 24 นิ้ว นั่นก็เป็นสัญญาณของการเริ่มผลิดอกออกผลแล้ว

วิธีปลูกอะโวคาโดในกระถางด้วยน้ำ


ปลูกอะโวคาโดในกระถาง


          1. แกะเมล็ดออกมาล้างและถูให้สะอาดจนไม่มีเนื้อติด โดยระวังอย่าให้เปลือกสีน้ำตาลหลุด

          2. จากนั้นนำส่วนล่างของเมล็ดอะโวคาโดใส่ลงในน้ำ เพราะรากจะงอกจากส่วนนี้ ซึ่งมีจุดสังเกตคือฐานที่กว้าง อ้วน และกลมกว่าส่วนบนของเมล็ดอะโวคาโด สำหรับส่วนบนของเมล็ดอะโวคาโดนี้จะเป็นส่วนที่มีต้นงอกออกมาในภายหลัง

          3. นำไม้จิ้มฟัน 4 ไม้ มาแทงเข้าไปในเมล็ดอะโวคาโดแบบลึกพอประมาณ โดยให้เว้นระยะห่างของแต่ละไม้ให้พอดี รวมถึงแทงในมุมที่เฉียงลงมาด้านล่างเล็กน้อยด้วย เพราะเราจะใช้ไม้นี้เป็นไม้ค้ำในการหย่อนเมล็ดอะโวคาโดลงไปในน้ำ 

          4. นำแก้วใสใส่น้ำมาจนเกือบเต็ม แล้วนำเมล็ดอะโวคาโดหย่อนลงไปในน้ำ โดยใช้ไม้จิ้มฟันที่เสียบเข้าไปเป็นตัวค้ำ ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้แก้วใสก็เป็นเพราะแก้วแบบนี้จะทำให้เรามองเห็นน้ำข้างในได้ง่าย ซึ่งก็จะนำมาสู่ระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำที่เหมาะสม

          5. รอจนกว่าเมล็ดจะแตกและงอก ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-8 สัปดาห์ โดยเราจะเห็นว่าส่วนบนของเมล็ดจะเริ่มแห้งและลอกออกจนเกิดเป็นลำต้น ส่วนด้านล่างก็จะแตกและเริ่มมีรากงอก โดยรากอาจจะยาวมากหรือน้อยก็ได้ แต่ต้องระวังอย่าให้รากแห้งเฉาอยู่ในน้ำ 

          6. นำไม้จิ้มฟันออก แล้วย้ายไปปลูกลงดินเมื่อต้นสูงประมาณ 6 นิ้ว ส่วนรากก็ให้ตัดออกเหลือแค่ 3 นิ้ว เพราะจะพอดีกับกระถางขนาด 8 นิ้ว โดยกลบดินให้ส่วนของรากอยู่ใต้ดิน แต่ส่วนของลำต้นโผล่พ้นขึ้นมาเหนือดิน พร้อมนำไปตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด ๆ ส่องถึง 

          7. ดูแลรดน้ำบ่อย ๆ โดยดินควรจะชุ่มอยู่ตลอด แต่อย่าให้มากเกินไป โดยถ้าเรารดน้ำมากเกินไป ใบจะกลายเป็นสีเหลือง วิธีแก้คือให้เว้นระยะไว้ประมาณ 2-3 วัน แล้วค่อยรดใหม่ จากนั้นก็รอจนโต

          8. เมื่อต้นสูงได้ประมาณ 12 นิ้ว ให้เด็ดยอดอ่อนออกสัก 2 ยอด เพื่อช่วยให้กิ่งแผ่ออกและเจริญเติบโต แล้วพอต้นสูงเพิ่มอีก 6 นิ้ว ก็ให้เด็ดยอดอ่อนออกอีก 2 ยอดเช่นเดิม


          9. กำจัดแมลงหรือเพลี้ยอ่อนให้ต้นอะโวคาโด ด้วยการฉีดน้ำล้างที่ใบเพื่อให้แมลงหลุด จากนั้นก็นำน้ำยาล้างจานผสมกับน้ำมันสะเดาใส่ลงไปในขวดสเปรย์เล็ก ๆ แล้วนำไปพ่นตามใบ แค่นี้แมลงและเพลี้ยอ่อนก็จะไม่มากวนใจแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ต้องหมั่นตรวจเช็กดูให้ละเอียด พร้อมทั้งทำแบบนี้บ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงและเพลี้ยอ่อนกลับมาด้วย

          10. ต้นอะโวคาโดสามารถปลูกไว้นอกบ้านในหน้าร้อนได้ แต่พอหน้าหนาวที่หนาวมาก ๆ ให้เรานำต้นอะโวคาโดเข้ามาข้างในแทน เพราะอะโวคาโดเป็นต้นไม้ที่ทนต่ออากาศหนาวเย็นไม่ค่อยได้ 

ประโยชน์และสรรพคุณของอะโวคาโด


          ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าหลาย ๆ คนนั้นยกให้อะโวคาโดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ เพราะอะโวคาโดมีประโยชน์และสรรพคุณที่สามารถช่วยบำรุงได้ทั้งด้านสุขภาพและความงาม เช่น ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความอ้วน บำรุงผม บำรุงผิว แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการอาหารอีกเพียบ เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ว่าอะโวคาโดจะมีประโยชน์และสรรพคุณดี ๆ อะไรบ้าง ก็ตามไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

          - อะโวคาโด กับ 9 เคล็ดลับความงามตั้งแต่หัวจรดเท้า

          - 9 เมนูอะโวคาโด อาหารสุขภาพแนว ๆ ทำง่ายจากผลไม้ในกระแส
   
          อย่างไรก็ตาม การปลูกต้นอะโวคาโดทั้งสองวิธีอาจจะไม่ให้ผลก็ได้ หรือบางต้นก็อาจจะให้ผลเร็ว (ประมาณ 3-4 ปี) หรือช้า (ประมาณ 15 ปีขึ้นไป) ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และสิ่งแวดล้อม ทว่าถึงแม้ต้นอะโวคาโดจะปลูกยากไปและไม่รู้ว่าต้องรอผลไปถึงเมื่อไหร่ แต่ถ้าใครผ่านไปผ่านมาแล้วเห็นว่าเราปลูกต้นอะโวคาโดไว้ในบ้าน ก็คงจะดูเก๋ เท่ และแปลกใหม่ไม่น้อย

ขอบคุณข้อมูลจาก inhabitat, thesecretyumiverse และ empressofdirt

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รวม สูตรกาแฟสด ยอดฮิต อร่อยจึ้งเหมือนซื้อที่ร้าน!

มัดรวม เมนูกาแฟดำน้ำผลไม้ สดชื่นซาบซ่า แคลน้อย

สูตรเด็ด‼️ กุ้งอบวุ้นเส้นง่ายๆในกระทะ วิธีทำให้เส้นเหนียวนุ่ม ไม่แฉะ หอม อร่อยทันที

สาคูเปียกลำไย

ข้าวเหนียวหน้าไข่แมงดาเทียม

วิธีทำ ไข่ลวก ไข่ลวกร้านกาแฟ แบบมืออาชีพ ไข่ขาวสุกอร่อย ไม่ติดเปลือก

มัดรวม 8 สูตรน้ำปั่นสุดจึ้ง คลายร้อน ต้อนรับซัมเมอร์

บทกรวดน้ำแบบสั้น หลังใส่บาตร ที่พุทธศาสนิกชนควรรู้

สูตร วุ้นลำไยน้ำกะทิมะพร้าวอ่อน

วิธีทำ ขนมช่อม่วง